Umbilical Cord-Mesenchymal Stem Cells (UC-MSCs)
การศึกษาและงานวิจัยในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่า เซลล์ต้นกำเนิดที่เพาะเลี้ยงจากเนื้อเยื่อสายสะดือ:
- มีศักยภาพในการหลั่งสารต้านการอักเสบ
- ช่วยฟื้นฟูคุณภาพและลดการตายของเซลล์ในร่างกาย
- ช่วยควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่มากเกินไป เช่น กลุ่มโรคภูมิแพ้ โรคพุ่มพวง โรคเก๊าท์ รูมาตอยด์ รวมทั้งโรคเบาหวานที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ตับอ่อนของตนเอง
- มีความโดดเด่นในเรื่องการชะลอวัยและความสวยงาม เช่น ช่วยลดริ้วรอย ทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าอุ้มน้ำแลดูอ่อนกว่าวัย ลดปัญหาหน้าหยาบกร้าน ฝ้า และ รอยแดง
- ในกลุ่มผู้สูงอายุช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมีกำลังมากขึ้น ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากอายุที่เพิ่มขึ้น บรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม ทำให้กลุ่มผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้เพิ่มขึ้น
- มีความปลอดภัยสูงเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เซลล์จากสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น
Amnion Membrane-Mesenchymal Stem Cells (AM-MSCs)
เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่เพาะเลี้ยงจากเยื่อหุ้มทารก ปัจจุบันมีรายงานว่า มีคุณสมบัติเหมือนสเต็มเซลล์ที่ได้จากสายสะดือทุกประการ แต่มีขนาดของเซลล์ที่เล็กกว่า จึงเชื่อว่าสามารถผ่านเข้าสู่บริเวณที่เกิดการอักเสบและเข้าถึงยากได้ดี จึงทำให้มีรายงานการใช้ในเชิงการรักษาเพิ่มขึ้นในกลุ่มโรคทางสมองและไขสันหลัง เช่น โรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน หรืออาการบาดเจ็บทางสมองและไขสันหลัง
Adipose Tissue-Mesenchymal Stem Cells (AD-MSCs)
เซลล์ต้นกำเนิดที่เพาะเลี้ยงจากเนื้อเยื่อไขมัน เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่ได้จากไขมันหลังจากทำการดูดไขมันเรียบร้อยแล้ว โดยปกติจะถูกนำมาใช้กับเจ้าของเซลล์ต้นกำเนิดเท่านั้น ไม่นิยมใช้กับบุคคลอื่น มีคุณสมบัติของเซลล์ต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อเหมือนแหล่งอื่น มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นเซลล์ของตนเองย่อมไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ มักนิยมใช้ในด้านความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง เช่น นำมาใช้เพิ่มขนาดหน้าอก เพิ่มชั้นไขมันบริเวณแก้ม ตา ริมฝีปาก คาง เพื่อให้ได้รูปสวย
Human Placenta Extract
รกเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากในขณะตั้งครรภ์ เพราะเป็นแหล่งอาหารวิตามิน รวมทั้ง ฮอร์โมนหลากหลายชนิดที่ส่งผ่านจากแม่สู่ลูก ในรกจึงประกอบไปด้วยสารอาหารและโกรทแฟคเตอร์ (Growth Factors) ที่เซลล์ในร่างกายใช้สื่อสารกันเพื่อทำให้เกิดการเจริญเติบโต ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างปกติ หรือเป็นอาหารให้กับสเต็มเซลล์ ทำให้เสต็มเซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สารที่สกัดได้จะช่วยให้การทํางานของร่างกายเป็นไปอย่างสมดุล ช่วยให้สเต็มเซลล์ รวมทั้งเซลล์ในร่างกายทํางานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แต่วิธีการสกัดสารเหล่านี้ออกมา สามารถทําได้หลายวิธี ดังนั้น ควรเลือกวิธีที่ปลอดภัยจากสารเคมีมากที่สุด และได้มาตรฐานสะอาดปลอดเชื้อโรค
Fibroblast Cell Culture
เซลล์ไฟโบรบลาสต์ เป็นเซลล์ที่มีลักษณะคล้ายกระสวยทำหน้าที่ในการสร้างโครงสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่างๆ ใต้ชั้นผิวหนัง เช่น เส้นใยอีลาสติน เส้นใยคอลลาเจน และกรดไฮยาลูโรนิค ซึ่งมีความสำคัญมากเพราะสามารถรวมตัวกับน้ำได้ดีจึงทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น การเรียงตัวที่แน่นเป็นระเบียบ จะทำให้เกิดความแข็งแรง มีความยืดหยุ่นไม่เกิดริ้วรอย แต่อายุที่มากขึ้น แสงแดด และมลภาวะ ต่างเป็นตัวทำลายไฟโบรบลาสต์ใต้ชั้นผิวหนังให้มีจำนวนน้อยลงและเสื่อมคุณภาพ ผิวหนังจึงเสียความชุ่มชื้น แห้ง หยาบกร้าน และเสียความยืดหยุ่นจนเกิดริ้วรอยก่อนวัย การเติมเซลล์ไฟโบรบลาสต์เข้าไปใต้ชั้นผิวโดยตรงจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ทำให้มีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นและสามารถบอกลาริ้วรอยไปได้เลย